10 ท่องเที่ยวใน จ.เลย ที่ไม่ควรพลาด
1.เชียงคาน
ที่ตั้ง : เชียงคาน ถ. ศรีเชียงคาน อ.เชียงคาน จ.เลย
เชียงคาน เป็นเมืองเล็กๆ ริมฝั่งแม่น้ำโขง สุดชายแดนไทย ที่คงยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี และวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมซึ่งหาดูยากในปัจจุบัน
เมืองเชียงคานแบ่งออกเป็นซอยเล็ก ๆ เรียกว่า ถนนศรีเชียงคานขนานกันไปกับถนนใหญ่ซึ่งเป็นถนนสายหลัก โดยมีถนนศรีเชียงคานฝั่งล่างหรือถนนชายโขงที่เต็มไปด้วยบ้านไม้เก่าแก่ โฮมสเตย์ ร้านอาหาร ร้านกาแฟเก๋ ๆ มากมาย เป็นเส้นทางที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกและปั่นจักรยานชมบรรยากาศบ้านไม้สมัยเก่า
เสน่ห์ของเชียงคานยังอยู่ที่การรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น เช่น การตักบาตรข้าวเหนียวในยามเช้า ซึ่งพบเห็นได้จากชาวบ้านหลายครัวเรือน
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมไม่ควรพลาดอย่างการไหว้พระ 9 วัด ได้แก่ วัดศรีคุณเมือง วัดโพนชัย วัดป่ากลาง วัดมหาธาตุ วัดท่าแขก วัดท่าคก วัดป่าใต้ วัดภูช้างน้อย และวัดสันติวนาราม
2.แก่งคุดคู้
ที่ตั้ง : แก่งคุดคู้ ถ.เชียงคาน – ปากชม ต.เชียงคาน อ.เชียงคาน จ.เลย
แก่งคุดคู้มีวิวชายหาดที่กว้างยาวสุดลูกหูลูกตา และทอดตัวขนานไปกับสายน้ำโขง ทั้งยังไหลแทรกผ่านเกาะแก่งน้อยใหญ่ต่าง ๆ โดยมีภูเขาลูกยักษ์ชื่อ “ภูควายเงิน” ตั้งตระหง่านเป็นฉากหลังอยู่ฝั่งตรงข้าม
ไฮไลต์เด็ดอีกสำคัญอีกประการคือ การชมความงดงามของพระอาทิตย์ที่ขึ้นเหนือสันเขายามเช้า สำหรับการมาเที่ยวแก่งคุดคู้ควรมาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม เพราะระดับน้ำโขงจะลดตัวลงจนเห็นเกาะแก่งและหาดทรายสีขาวขนาดใหญ่ที่แซมด้วยหินก้อนกลมนับพันก้อนเรียงรายอยู่เต็มชายหาด ซึ่งมีจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินลงบันไดไปชมความงามของแก่งหินได้
หรือใครที่อยากล่องเรือหางยาวชมทิวทัศน์สองฝั่งไทย-ลาว ชมวิถีชีวิตชาวบ้านที่ล่องเรือหาปลาในแม่น้ำโขง ซึ่งใช้เวลาในการล่องเรือไป – กลับประมาณ 1 ชั่วโมงก็มีเรือให้บริการ ก่อนกลับอย่าลืมแวะซื้อของฝากขึ้นชื่ออย่างมะพร้าวแก้วรสหวานอร่อย
3. ภูทอก
ที่ตั้ง : ภูทอก อ.เชียงคาน จ.เลย
ภูทอกคือจุดชมวิวทะเลหมอกที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเชียงคาน ภูทอกตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง
บนยอดภูเป็นที่ตั้งของสถานีโทรคมนาคมเชียงคาน “จุดชมวิวภูทอก” คือจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามมากที่สุดอีกหนึ่งแห่งของภาคอีสาน อีกทั้งยังเป็นจุดที่ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง ภูแห่งนี้มีลักษณะเป็นภูเขาสูง ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสปุยของทะเลหมอกได้อย่างใกล้ชิดแบบสุดๆ
นอกจากวิวของทะเลหมอกแล้วภูทอกยังเป็นจุดที่สามารถมองเห็นวิว 360 องศาแบบพาโนรามาของเมืองเชียงคาน เมืองสานะคามได้อีกด้วย ทั้งยังสามารถมองเห็นแก่งคุดคู้และลำน้ำโขงได้อีกด้วย ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชมทะเลหมอกคือในช่วงปลายฤดูฝนถึงต้นฤดูหนาว
4.อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
ที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติภูกระดึง อ.ภูกระดึง จ.เลย
อุทยานแห่งชาติภูกระดึงประกอบด้วยภูเขาที่มีธรรมชาติอันงดงาม ที่ราบบนยอดภูกระดึงประกอบไปด้วยป่าสนสลับป่าก่อและทุ่งหญ้า มีพืชเมืองหนาว ได้แก่ ป่าสนสองใบ ป่าสนสามใบ ป่าต้นเมเปิล และพันธุ์ไม้ดอกที่สวยงาม เช่น กุหลาบป่า ม้าวิ่ง เอื้องคำหิน ดอกม่วนดักหงาย เป็นต้น เป็นแหล่งกำเนิดของลำน้ำพอง ซึ่งหล่อเลี้ยงเขื่อนอุบลรัตน์และเขื่อนหนองหวายในจังหวัดขอนแก่น
แหล่งท่องเที่ยวบนอุทยานแห่งชาติภูกระดึงมีมากมาย เช่น ผานกแอ่น ลานหินเล็ก ๆ ที่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงาม มองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างซึ่งเป็นท้องทุ่งและเทือกเขา เห็นผานกเค้าได้ชัดเจน ริมทางเดินใกล้ผานกแอ่นเป็นสวนหินมีดงดอกกุหลาบป่าซึ่งจะบานสะพรั่งในเดือนมีนาคม – เมษายน น้ำตกตาดร้องเกิดจากลำน้ำพองซึ่งไหลลงมาจากภูกระดึง สองฝั่งของตาดร้องเป็นผาหินสูงชัน เมื่อน้ำตกผ่านผาหินกว้างที่ลดหลั่นเป็นชั้น ๆ จึงทำให้เกิดเสียงดัง
ผาหล่มสักเป็นลานหินกว้าง สามารถมองเห็นทิวทัศน์เทือกเขาสลับซับซ้อนในจังหวัดเพชรบูรณ์ และเป็นจุดหนึ่งที่จะชมพระอาทิตย์ตกได้อย่างชัดเจน และยังมีที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย เช่น สระแก้ว น้ำตกวังกวาง สระอโนดาด เป็นต้น
5. อุทยานแห่งชาติภูเรือ
ที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติภูเรือ หนองบัว อ.ภูเรือ จ.เลย
ที่เที่ยวที่ได้รับการขนานนามว่า “เมืองแห่งทะเลภูเขาหนาวสุดในสยาม”
อุทยานแห่งชาติภูเรือ เป็นภูเขาที่มีลักษณะเป็นชะง่อนผายื่นออกมา รูปร่างคล้ายเรือสำเภาลำใหญ่ บริเวณพื้นที่ราบบนยอดภูเรือเปรียบเสมือนท้องเรือ หากนักท่องเที่ยวขึ้นไปที่บริเวณยอดภูเรือก็จะสามารถชมทัศนียภาพได้โดยรอบ
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางขึ้นยอดภูเรือกันแต่เช้าเพื่อให้ทันชมแสงแรกของพระอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้น พร้อมสัมผัสอากาศหนาวเย็นและชมทะเลหมอกที่ลอยในหุบเขาสลับซับซ้อนนี้ และเนื่องจากอุทยานแห่งชาติภูเรือเป็นยอดเขาสูงนี้เอง จึงทำให้มีอุณหภูมิเฉลี่ยเพียง 22.5 องศาเซลเซียส และทำให้มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี
นอกจากการชมความงามของทะลหมอกบนยอดภูเรือแล้ว ก็อย่าลืมแวะสักการะพระพุทธนาวาบรรพต ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ปางมารวิชัยที่ชาวภูเรืออัญเชิญมาจากวัดพระญาติ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่ปีพ.ศ.2520
6.สวนหินผางาม
ที่ตั้ง : สวนหินผางาม บ้านผางาม หมู่ 10 ต.ปวนพุ กิ่งอำเภอหนองหิน จ.เลย
สวนหินผางามอยู่ในแนวผาหินปูนสูงใหญ่ทอดตัวเป็นแนวยาวท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี ภายในสวนผาหินงามมีเส้นทางเดินสลับซับซ้อน บางช่วงดูคล้ายเขาวงกต บางช่วงเป็นเพิงหิน หรือโพรงถ้ำที่ต้องมุดลอดเข้าไป
นอกจากนี้ตลอดเส้นทางยังมีต้นไม้หายาก และต้นไม้ยักษ์ อย่างปรงเขาที่มีอายุหลายร้อยปีเรียงรายอยู่ด้วย และด้วยความงดงามของธรรมชาติที่นี่จึงได้ชื่อเรียกอีกอย่างว่า คุนหมิงเมืองเลย สันนิษฐานว่าในอดีตเคยเป็นทะเลมาก่อนและมีอายุมากกว่า 225 ล้านปี
นอกจากนี้บริเวณโดยรอบยังมีทุ่งหญ้าพื้นที่กว้าง และมีภูเขาแท่งหินปูน ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอยู่กระจายเป็นลูก ๆ ใหญ่สลับเล็ก บางลูกก็สามารถเดินผ่านทะลุได้ และมีชื่อเรียกต่าง ๆ กันตามลักษณะรูปร่างที่ปรากฎ เช่น หินไดโนเสาร์ หน้าผาท้อแท้ ซุ้มคารวะ ถ้ำอรทัย เขาวงกต เจดีย์หิน กรอบรูปธรรมชาติ กำแพงเมืองจีน ประตูโขง หินมงกุฎ สวนหิน ซุ้มนรก รูรันตู (รูตัน) มีต้นไม้นานาพันธ์ขึ้นแซม
ก่อนกลับอย่าลืมแวะซื้อสินค้า 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ (OTOP) เช่น สินค้าผีตาโขน จัดทำเป็นรูปแบบต่าง ๆ ทั้งเซรามิค ตัวหุ่น และพิมพ์บนผืนผ้า
7.ภูป่าเปาะ (ฟูจิเมืองเลย)
ที่ตั้ง : ภูป่าเปาะ (ฟูจิเมืองเลย) บ้านผาหวาย ต.ปวนพุ อ.หนองหิน จ.เลย
ภูป่าเปาะ หรือที่เรียกอีกชื่อว่า “ภูหอ” หรือ “ฟูจิเมืองเลย” มียอดเขาเป็นหัวตัด ภูเขาไฟแห่งนี้เป็นภูเขาไฟสูงใหญ่ ส่วนยอดมีลักษณะเป็นปล่องไฟ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวของจังหวัดเลยที่สามารถมองเห็น “ภูหอ” ที่ว่ากันว่ามีลักษณะคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิของประเทศญี่ปุ่นในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมยอดขาวโพลน
ภูป่าเปาะเป็นจุดชมวิวของภูหอ อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูค้อ – ภูกระแต บนภูป่าเปาะมีจุดชมวิวอยู่ด้วยกัน 4 จุด โดยจุดชมวิวแต่ละจุดมีระยะทางห่างกันประมาณ 200 เมตร บนจุดยอดบนสุดสามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศา
ทั้งยังสามารถชมพระอาทิตย์ได้ทั้งขึ้นและตกในจุดๆเดียว คือสามารถไปเช้า นอกจากนั้นยังสามารถมองเห็นภูเขาได้อีก 3 จังหวัด คือ อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น และผาสามยอด จังหวัดหนองบัวลำภู และยังสามารถชมวิว อีก 8 แห่ง คือ ภูหินร่องกล้า ภูหอ ภูหลวง ภูกระดึง ภูผาจิต ภูผาม่านสวนหินผางาม และเขาค้อ
8.สวนลุงวุฒิ
ที่ตั้ง : สวนลุงวุฒิ 166 หมู่ 4 ถนนเลย- ด่านซ้าย ตำบลหนองบัว อ.ภูเรือ จ.เลย
ภูเรือนอกเหนือจากจะมีอากาศหนาวเย็นน่ามาเยือนแล้ว ที่อำเภอภูเรือยังเป็นแหล่งซื้อขาย ไม้ดอกไม้ประดับสวย ๆ งาม ๆ มากมายอีกด้วย โดยสถานที่หนึ่งที่นอกจากจะเปิดขายต้นไม้แล้วยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมไม้ดอกไม้ประดับได้อีกด้วย คือ “สวนลุงวุฒิ” นั่นเอง ซึ่งต้นไม้ที่โดดเด่นที่สุดในของสวนลุงวุฒิคือสับปะรดสีที่มีมากมายและเป็นที่นิยมของเหล่าพ่อค้าแม่ค้าและคนทั่วไป
ไม่เพียงแค่สัปปะรดเท่านั้นที่มีมากมาย กล้วยไม้และแคคตัสก็มีมากมาย บางชนิดปลูกขึ้นเอง บางชนิดก็นำเข้ามาจากมาเลเซีย สับปะรดสีที่สวนลุงวุฒิมีขายตั้งแต่ราคา 60 บาทไปจนถึงราคาเป็นหมื่น ส่วนแคคตัสก็มีหลากหลายแบบหลากหลายสี มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 25 บาท ใครไม่ซื้อก็สามารถไปเดินเล่นถ่ายภาพต้นไม้สีสันแจ่มได้
9.งานเทศกาลผีตาโขน
ที่ตั้ง: อ.ด่านซ้าย จ.เลย
เมืองฝรั่งเขามีเทศกาลฮาโลวีนปลายเดือนตุลาคมเป็นงานผีๆ ประจำปี เมืองไทยเราก็มีการละเล่นผีตาโขนที่อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม เป็นเทศกาลเด่นดังไม่น้อยหน้ากัน
ประเพณีผีตาโขน เป็นการละเล่นพื้นบ้านที่จัดขึ้นในงานบุญหลวง ซึ่งเป็นบุญประจำปีของชาวอีสานประกอบด้วย 3 งานใหญ่รวมกัน คือ งานบุญพระเวส งานบุญบั้งไฟ และงานแห่ผีตาโขน เพื่อขอให้ฝนฟ้าตกตามฤดูกาล
ตำนานของการแห่ผีตาโขนเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่พระเวสสันดรชาดกและนางมัทรีจะเดินทางออกจากป่ากลับสู่เมือง บรรดาผีป่าและสัตว์หลากหลายชนิดต่างอาลัย จึงพากันแห่แหนแฝงตนกลับมาชาวบ้าน เพื่อมาส่งทั้งสองพระองค์กลับเมืองและขากลับก็ได้นำเอาความทุกข์ ความโศกเศร้าของชาวเมืองกลับไปด้วย เรียกกันว่า ผีตามคน หรือผีตาขน จนกลายมาเป็นผีตาโขนในปัจจุบัน
10.พระธาตุศรีสองรัก
ที่ตั้ง : พระธาตุศรีสองรัก อ.ด่านซ้าย จ.เลย
องค์พระเจดีย์ตั้งอยู่ในวัดพระธาตุศรีสองรัก ซึ่งเป็นวัดที่ไม่มีพระภิกษุพำนักอยู่ในวัด นอกจากองค์พระเจดีย์แล้ว ภายในวัดยังมีพระพุทธรูปปางนาคปรกศิลปะธิเบต 1 องค์ และพระพุทธรูปอื่น ๆ ด้วย ส่วนบริเวณที่ประดิษฐานพระธาตุศรีสองรักนั้นมีบรรยากาศดี เพราะตั้งอยู่บนเนิน ริมฝั่งแม่น้ำหมัน พระธาตุศรีสองรักมีรูปทรงสัณฐานคล้ายพระธาตุพนม
พระธาตุศรีสองรักเป็นเจดีย์ที่ก่อด้วยอิฐถือปูน มีฐานเป็นเหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างด้านละประมาณ 8 เมตร สูงประมาณ 32 เมตร ซึ่งเป็นวัดที่ไม่มีพระภิกษุพำนักอยู่ในวัดนอกจากองค์พระเจดีย์แล้ว
ถัดไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีโบสถ์ 1 หลัง และถัดองค์พระเจดีย์มีศิลาจารึก 1 แผ่น ซึ่งจารึกตำนานการสร้างพระธาตุศรีสองรักด้วยอักษรธรรมอยู่ด้วย นอกจากนี้ที่นี่ยังมีงานนมัสการพระธาตุเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือน 6 ซึ่งมีประชาชนที่เคารพนับถือมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก